เทคนิคการเรียนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ ได้เกรดเยี่ยม!
จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เป็นหนึ่งในตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงภาคการศึกษาก็จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือทำงานหลัก ทำให้การเรียนออนไลน์กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งข้อดีคือเด็ก ๆ สามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่มีอุปกรณ์เชื่อมต้อกับอินเตอร์เน็ต ในทางกลับกันการไม่ได้เข้าห้องเรียน ก็อาจทำให้หลายคนหลุดโฟกัส มีสมาธิในการเรียนน้อยลง ส่งผลให้การเรียนไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นเรามาดูเทคนิคที่ช่วยให้การเรียนออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พิชิตคะแนนได้สำเร็จตามเป้าหมายกัน
เทคนิคการเรียนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ
1.จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียน
ให้แบ่งแยกสถานที่สำหรับใช้ในการเรียน กับ สถานที่สำหรับใช้ในการพักผ่อนออกจากกันให้ชัดเจน ควรมีโต๊ะเรียนเก้าอี้นั่ง และอุปกรณ์การเรียนให้พร้อมบนโต๊ะ หลีกเลี่ยงการเรียนบนโซฟาหรือบนเตียง เพราะสภาพแวดล้อมมีผลต่อการเรียนรู้มาก สถานที่เรียนที่ดีจะเอื้ออำนวยต่อการเรียน จะช่วยให้เรามีสมาธิในการเรียน สามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีและสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ตั้งเป้าหมายหรือแผนการในแต่ละวัน
การกำหนดตารางสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน จะช่วยให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงกันระหว่างเช็คลิสต์ และ ความสำเร็จของตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเราบรรลุเป้าหมายในการทำลิสต์แต่ละข้อสำเร็จ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข จะช่วนกระตุ้นให้เรามีพลังงานในการทำเป้าหมายใหญ่ ๆ ลำดับถัดไปได้ ถ้าเรามีสิ่งที่ต้องทำมากมาย แนะนำว่าให้เริ่มจากงานที่เล็กและเรียบง่ายก่อน ก็จะค่อย ๆ สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันจับต้องได้ โดยไม่รู้สึกเหนื่อยลำบากอะไร การวางเป้าหมายเล็ก ๆ แต่ชัดเจนในแต่ละวัน ให้เริ่มจากการตั้งไว้สัก 3 ข้อก่อนก็ได้ เช่น กำหนดว่าเราจะทำทั้งสามสิ่งนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อทำสำเร็จแล้วค่อยตั้งเป้าหมายอื่น ๆ เพิ่มไปอีกทีละ 3 อย่าง ดูให้แน่ใจว่าเป้าหมายทั้งสามอย่างเหมาะสมกับความสามารถของเราในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยเราแยกลิสต์ใหญ่ ๆ ที่ดูเยบอะและหนักหนาออกมาเป็นเป้าหมายเล็กๆ แต่สม่ำเสมอได้ รวมถึงการกำหนดเดดไลน์ของต่ละสัดส่วน จะช่วยให้เราจัดการเวลาได้ดีขึ้นด้วย
3.มีเครื่องมือช่วยจดบันทึก
แต่ละคนมีเคล็ดลับในการช่วยจำไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเมื่อได้เรียนอยู่ที่บ้านแล้วอาจจะลองหาเครื่องมือที่ช่วยให้ตัวเราเองจดจำบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น บางคนอาจจะถนัดจดโน้ตย่อในรูปแบบแผ่นพับ บางคนไม่ชอบนั่งอยู่กับที่ขณะเรียน บางคนชอบใช้ mind mapping ในการจดบันทึกได้ดีกว่า หรือบางคนชอบฟังเพลงขณะอ่านหนังสือไปด้วยจะมีสมาธิมากกว่าความเงียบ สิ่งนี้เราสามารถทำได้เมื่อเรียนในระบบ remote learning อาจจะเป็นโอกาสที่ได้เรียนในรูปแบบที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าใครไม่ชอบเสียงดังๆ แอพพลิเคชั่นตัวตัดเสียงหรือ ‘noise cancelling’ ก็มีให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรีด้วยเหมือนกัน
4.จดบันทึกและย้อนกลับมาทบทวนภายหลัง
การเรียนออนไลน์ อาจทำให้หลายคนไม่ชินและเข้าใจไปว่า การเรียนออนไลน์คงจะทำให้เรียนได้ไวกว่าหลักสูตรทั่วไปในห้องเรียน แต่จริงๆ แล้ววิธีการแบบนี้เป็นเพียงการย้ายแพลตฟอร์มจากห้องเรียนมาสู่คอมพิวเตอร์เท่านั้น
การเรียนแบบนี้มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือ เราสามารถเข้าไปดูเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งตรงนี้แหละที่อาจจะทำให้ผู้เรียนสูญเสียโฟกัสไปมากกว่าตอนเรียนในห้อง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แม้จะอยู่ที่บ้านและเรียนจากคอมพิวเตอร์ได้แต่การ ‘take note’ หรือจดบันทึกก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญและมีส่วนช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากผลการวิจัยบอกว่า การใช้งานด้วยระบบแล็ปท็อปเพียงอย่างเดียวทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนลดลงราวๆ 40% ส่งผลให้ความจำของเด็กๆ ลดลง รวมถึงการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็น้อยลงตามไปด้วย
5.กำหนดเวลาเบรกให้ถี่ขึ้น แต่ช่วงเวลาสั้นลง
การพักเบรก ไม่จำเป็นต้องกำหนดขอบเขตเวลาพักเบรกด้วยช่วงกว้าง ๆ เหมือนตอนอยู่โรงเรียน แต่ให้กำหนดกรอบการพักเบรกเป็นประจำทุกวันด้วยช่วงเวลาที่ถี่ขึ้นแต่สั้นลง เช่น หลังจากโฟกัสกับการเรียนแล้ว 30 นาที ให้เวลาตัวเองได้พักสายตาจากหน้าจอสัก 5 นาที ด้วยการลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ หรือ ทำธุระส่วนตัว แล้วกลับมาเรียนต่ออีกครั้ง หรือในช่วงเวลาสั้น ๆ 5 นาที อาจจะแทรกเป็นกิจกรรมที่สนุกและมีประโยชน์ไปในตัวด้วยเช่นกัน วิธีนี้จะช่วยให้เราถอยกลับมาผ่อนคลายและยังทำให้เรารีเฟรชเพื่อโฟกัสในการเรียนที่ดีขึ้นได้ด้วย